jordan จอร์แดน

“ร้อน ทะเลทราย แห้งแล้ง เป็นของคู่กันกับประเทศแถบตะวันออกกลาง”
แต่กับประเทศจอร์แดนเมื่อก่อนอาจเป็นไปตามนั้น แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปแล้ว
ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน (The Hashemite Kingdom of Jordan) หรือที่เรียกกันว่า “จอร์แดน”
อยู่ติดกับซีเรีย อิรัก ซาอุดิอาระเบีย อิสราเอล และปาเลสไตน์ พื้นที่ร้อยละ 80 เป็นทะเลทราย
และเป็นประเทศที่ (เคย) มีปริมาณน้ำฝนน้อยที่สุดในโลกอีกด้วย
ประเทศจอร์แดนมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยมาเป็นเวลานาน ในปี พ.ศ.2552
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ร.9
ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้สิทธิบัตรฝนหลวงเพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำฝน
ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทำให้ที่นี่ชุ่มชื้นกว่าประเทศอื่น /\
จอร์แดนเป็นดินแดนเก่าแก่ที่ผสมผสานอารยธรรมโบราณ ตั้งแต่สมัยอียิปต์ โรมัน
จนยุคสงครามครูเสด ทำให้ที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของชาวคริสต์ ชาวมุสลิม และชาวยิว
และมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมายหลากหลาย สามารถเที่ยวได้ตั้งแต่เหนือจรดใต้ของประเทศ
เกริ่นมาพอสมควรแล้ว พร้อมไปสัมผัสและ #บันทึกเที่ยว กันที่จอร์แดน
ลงแช่ทะเลเดดซี ดีดตัวไปชมความงามของนครเพตรากันหรือยัง Final Call แล้วไปพิสูจน์กัน
“จอร์แดน…จากดินแดนแห้งแล้ง สู่ความชุ่มฉ่ำฝนหลวง”
จอร์แดนสายการบิน flydubai
จากตอนที่แล้วผมได้แวะทรานสิทเที่ยวที่ดูไบนอน 1 คืน
ดูไบแบบ 1 วันเต็มเที่ยวอะไรได้บ้างตามไปชมได้ในรีวิว -> เที่ยวดูไบ 1 วันเต็มๆ
ก่อนที่เช้านี้จะออกเดินทางต่อไปยังประเทศจอร์แดน
แนะนำว่าทำเช็คอินออนไลน์มาล่วงหน้าเลยจะดีที่สุด
เพราะพอมาถึงสนามบินก็แค่โหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่อง ซึ่งใช้เวลาไม่นาน
จะได้มีเวลาไปเดินช็อปปิ้งในดิวตี้ฟรีชิวๆก่อน
วิธีการจองและเช็คอินล่วงหน้า รวมถึงสั่งอาหารทานล่วงหน้า
สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ flydubai –> https://www.flydubai.com/en/
จอร์แดน จอร์แดนโซนที่นั่งชั้นธุรกิจจะอยู่ด้านหน้าของเครื่องบิน ซึ่งมีอยู่ 3 แถว
และต่อมาเป็นโซนที่นั่งชั้นประหยัด มีจอทีวีส่วนตัว ช่องระหว่างขาไม่แคบจนอึดอัดเกินไป
จอร์แดน จอร์แดนออกเดินทางสู่ประเทศจอร์แดนกันเลยครับ ซึ่งใช้เวลาบินประมาณ 3.50 ชั่วโมง
จอร์แดน จอร์แดนVisa On Arival
หลังจากที่เครื่องบินของ Fly Dubai พาเรามาลงจอดที่สนามบิน Queen Alia International Airport
ณ เมือง Amman ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจอร์แดนเป็นที่เรียบร้อย
เราก็จะต้องมาทำวีซ่าสำหรับเข้าประเทศจอร์แดน ซึ่งเป็น Visa on Arrival (VOA)
โดยค่าวีซ่าจะต้องใช้เป็นเงินสกุล Jordanian Dinar (JOD หรือ JD) เท่านั้น
หากยังไม่ได้แลกไว้ สามารถไปแลกที่หน้าช่องตรวจคนเข้าเมืองได้ ขอแนะนำให้แลกเท่าที่ใช้ก่อน
เพราะที่นี่คิดค่า Commission 2% ของจำนวนเงินที่แลก (อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 1 USD : 0.7 JOD)
ค่าทำวีซ่าอยู่ที่คนละ 40 JOD (สำหรับวีซ่าเข้า-ออกครั้งเดียว อายุ 1 เดือน)
เพียงยื่น Passport พร้อมเงินสด เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว ^^
จอร์แดนการเที่ยวที่นี่ผมใช้วิธีการเช่ารถขับเที่ยวด้วยตัวเอง ผมจองรถล่วงหน้า
ซึ่งเจ้าที่ถูกที่สุดที่หามาได้เป็นของ Easy Rental ค่าเช่ารถวันละ 30 JOD
ถ้าเป็นเจ้านี้ต้องออกมารับรถด้านนอกสนามบิน ไม่มีเค้าเตอร์ด้านใน
ตอนจองจึงต้องระบุไฟลท์เดินทางมาให้เรียบร้อยแล้วจะมีเจ้าหน้าที่มารอรับตรงทางออก
มาถึงราคาน้ำมันที่หลายคนน่าจะอยากรู้ว่าราคาถูกหรือแพงมากน้อยแค่ไหน
น้ำมันที่นี่ราคาลิตรละ 0.65 JOD ประมาณ 29 บาทไทย
เต็มถังคันนี้อยู่ที่ 19 ลิตร ซึ่งวิ่งไปกลับเพตราได้สบายๆเลยครับ ^^
จอร์แดนรถพร้อม น้ำมันเต็มถัง ปรับโหมดการขับพวงมาลัยซ้ายให้เรียบร้อย
แล้วก็…Let’s Go ออกเดินทางท่องจอร์แดนกันเลยครับ ^^
จอร์แดน จอร์แดนMount Nebo
เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
เชื่อกันว่าเป็นที่ที่โมเสสเสียชีวิตและฝังศพไว้  ณ ที่แห่งนี้ ค่าเข้าชมคนละ 2 JOD เปิดทุกวัน
จอร์แดน จอร์แดนเดินเข้ามาจะพบกับโบสถ์ที่ด้านในมีภาพ Mosaic
เป็นภาพเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของชาวบ้าน ซึ่งค่อนข้างสมบูรณ์ทีเดียว
จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดนเกริ่นไปตอนต้นไปแล้วว่าที่นี่เกี่ยวเนื่องกับโมเสส แล้วโมเสสคือใคร?
โมเสส คือผู้นำชาวยิวที่รับบัญญัติ 10 ประการจากพระเจ้า
มีอนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ที่ออกแบบเป็นลักษณะไม้เท้าในรูปไม้กางเขน
ตั้งอยู่ตรงจุดชมวิวด้านหลังโบสถ์
จอร์แดนจุดชมวิวตรงนี้สามารถมองเห็นแม่น้ำจอร์แดน ทะเล Dead Sea ทะเลแดง และ
กรุงเยรูซาเร็มได้อย่างชัดเจน
จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดนชมวิวสวยๆแล้วจุดต่อไปถือว่าเป็นไฮไลท์อีก 1 ที่ของการมาเยือนจอร์แดน
ทะเล Dead Sea (ทะเลเดดซี)
เป็นอีกสถานที่ที่ขึ้นชื่อของจอร์แดน แม้จะไม่ได้พักโรงแรมแถว Dead Sea
ก็สามารถมาเที่ยวที่หาดสาธารณะอย่าง Amman Beach ได้
ค่าเข้าหาดสาธารณะแห่งนี้คนละ 20 JOD ก็สามารถเดินผ่านสระว่ายน้ำเพื่อไปยัง Dead Sea ได้ทันที
มีที่ให้อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า มีสระน้ำจืดไว้เล่นน้ำ หรือร้านอาหาร ขนม น้ำต่างๆก็มีขาย
จอร์แดน จอร์แดนทะเล Dead Sea เป็นทะเลสาบน้ำเค็มขนาดใหญ่อยู่ระหว่างเขตแดนของประเทศจอร์แดนและอิสราเอล
อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 400 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดที่ต่ำที่สุดของโลก ความเค็มของ Dead Sea สูงถึง 30%
(ความเค็มของทะเลทั่วไปอยู่ที่ 3% เท่านั้น) ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถอาศัยในทะเลสาบแห่งนี้ได้
อีกกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจนอกจากการลอยตัวแช่น้ำก็คือ
การเอาโคลนมาพอกตัว จะทำให้ผิวพรรณดี สามารถนำโคลนมาพอกได้ฟรีครับ
จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดนหลายคนอาจจะเคยเห็นภาพถ่ายที่คนนอนอ่านหนังสือในทะเล Dead Sea กันมาบ้าง
คราวนี้ผมเลยขอพิสูจน์ซะหน่อยว่าลอยได้จริงหรือไม่ (ส่วนตัวผมว่ายน้ำไม่ค่อยเป็น เลยแอบกลัวนิดหน่อย)
พอได้ลองแล้วต้องทึ่ง!!! เพราะว่าลอยได้จริงๆ แต่ต้องระวังอย่าให้น้ำทะเลเข้าตา เข้าปากเด็ดขาด
เพราะอาจเป็นอันตรายได้ ว่าแล้วก็ขอแชะภาพด้วยท่ายอดฮิตซะหน่อย ^^
พอขึ้นจาก Dead Sea ผมก็แวะอาบน้ำที่สระว่ายด้านบน แล้วก็เปลี่ยนชุดไปลุยกันต่อ
จอร์แดน จอร์แดน ถนนเส้นเลียบทะเล Dead Sea นี้ฟินจริงๆ ทางดีทางเรียบ แถมวิวข้างทางยังสวยงามอีกด้วย
จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดนไม่ไกลจาก Amman Beach ประมาณ 15 กม.
มีอีกหนึ่งจุดชมวิวมุมสูงที่สามารถมองเห็นทะเล Dead Sea ได้กว้างและไกล
Dead Sea Panorama
จุดชมวิวทะเล Dead Sea ในมุมสูงที่สวยงามและแปลกตา
ถึงแม้ว่าข้างหน้าจะเป็นแค่ทะเล แต่ทะเลที่นี่ไม่เหมือนทะเลทั่วไป
เป็นทะเลที่ไม่มีคลื่น ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ และเป็นทะเลที่กั้นพรมแดนประเทศ
ผมเชื่อว่าถ้าใครได้มาจอร์แดน ทะเล Dead Sea คือหนึ่งในสถานที่เที่ยว
ใน Bucket list ที่ห้ามพลาดและต้องมาให้ได้แน่ๆ ^^
จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดนเมื่อถ่ายรูปจนเต็มอิ่ม ผมก็รีบบึ่งรถเพื่อมาให้ทันพระอาทิตย์ตก
เมือง Wadi Musa
จากทะเล Dead Sea ขับรถมาถึงที่นี่รวมระยะทางกว่า 200 กม.
เป็นจุดเริ่มต้นของนครเพตรา ซึ่งเป็นเมืองใน the Ma’an Governorate
และเป็นที่ตั้งของ นครสีชมพู Petra จุดหมายปลายทางของนักเดินทางทั่วโลกที่ต้องมาเยือน
ก่อนเข้าตัวเมือง ระหว่างทางจะเห็นวิวของเมือง Wadi Musa และภูเขาน้อยใหญ่
วางตัวสลับลดหลั่น และยังได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆอีกด้วย
จอร์แดน จอร์แดนเป็นมุมที่เหมือนโดนสะกดให้ยืนกดชัตเตอร์นิ่งๆได้หลายรูป
โดยที่จอดรถตรงนี้คือไหล่เขา และมีรถวิ่งอยู่ตลอดเวลา
ถ้าเห็นวิวแบบนี้แล้วไม่จอดรถลงไปถ่ายรูป ถือว่าผิดวิสัยเลยนะครับ ^^
จอร์แดน จอร์แดนเช้านี้อากาศสดใส รีบลุกตื่นจากที่นอน เพราะวันนี้มีไฮไลท์ของทริปรออยู่
ผมเดินจาก โรงแรม Edom Hotel ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับทางเข้าเพตรา
แนะนำว่าอย่าหาที่จอดบริเวณนี้ เพราะไม่มีที่จอดรถเลยยยยยย
มาถึงทางเข้าสแกนกระเป๋า ตรวจอาวุธเรียบร้อยก็ไปดูแพ็คเกจราคาตั๋วเข้าชม
ราคาตั๋วเข้า Petra มีหลายราคา สำหรับเข้าชม 1 วัน ราคา 50 JOD
สำหรับเข้าชม 2 วัน ราคา 55 JOD และสำหรับ 3 วัน (วันที่ 4 ฟรี) ราคา 60 JOD
สำหรับผมมีเวลาค่อนข้างน้อยเลยซื้อแบบ 1 วันพอครับ
แต่แนะนำว่าถ้าไม่อยากให้เหนื่อย และเที่ยวครบ ควร 2 วันเป็นอย่างน้อย
จอร์แดน จอร์แดนนครเพตรา (Petra)
มหานครศิลาทรายสีชมพู หรือนครสีดอกกุหลาบ ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ที่ในอดีตเคยถูกลืมหายไปจากความทรงจำ จนกระทั่งถูกค้นพบ โดยนักล่าสมบัติชาวสวิส
นามว่า จอห์น ลุควิดซ์ เบอร์ค ฮาร์ดท์ จึงได้ถูกนำออกมาเล่าเรื่องราวและกล่าวขานถึงความสวยงาม
จนได้รับประกาศเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1985
และได้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย
จอร์แดนจากทางเข้า Petra Visitor Center จะต้องเดินผ่านลานกลางแจ้งยาวประมาณ 800 เมตร
เป็นที่โล่งๆ ไม่มีร่มเงาใดๆ ขอแนะนำว่าให้มาตอนเช้า เนื่องจากอากาศไม่ร้อน
เดินเข้ามาได้สักพักจะมีคนมาชวนให้นั่งม้า โดยบอกว่าค่าม้ารวมอยู่ในค่าตั๋วแล้ว
แต่เท่าที่ผมได้ศึกษามาหลายคนเตือนว่า คนพวกนี้เค้าจะเรียกค่าทิปอีกประมาณ 5 JOD
ผมเลยขอเลือกที่จะเดินเองดีกว่าครับ ^^
จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดนเพตราเหมาะกับคนที่ชอบเดิน Trail มากกกก ซึ่งมีให้เลือกหลายเส้นทางเลยครับ
แต่เส้นทางที่ผมเลือกนี้จะเป็นไฮไลท์ของทั้งหมด ซึ่งถ้าเดิน Trail จริงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน
แต่ด้วยคราวนี้เวลาที่มาน้อยเกินไปเลยต้องใช้ลาเป็นตัวช่วย
Main Trail จาก (1) ถึง (22) ในรูประยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลา 3.5-4 ชั่วโมง
Al-Khubtha Trail จาก (16) ขึ้นไปจนสุดในรูประยะทาง 3.5 กิโลเมตร ใช้เวลา 2.5-3 ชั่วโมง
Ad-Deir (Monastery) Trail จาก (22) ถึง (24) ในรูประยะทาง 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลา 2.5-3 ขั่วโมง
ดูจากระยะทางแล้วถ้าให้จบในวันเดียวแบบเดินเท้าคงเป็นไปไม่ได้
ขอแนะนำว่าอย่างน้อยควร 2 วัน แต่ถ้าใช้การขี่ลาแทน สามารถเก็บที่ไฮไลท์ได้หมดในวันเดียว
จอร์แดนพอเดินผ่านทางโล่งๆ มาแล้ว ก็จะเจอกับทางเข้า Al-Siq (3)
ซึ่งเป็นช่องทางเดิน ที่ขนาบด้วยผาหินสีชมพู ให้บรรยากาศเหมือนได้หลุดเข้าไปในดินแดนลึกลับ
เมื่อสมัยหลายพันปีก่อน ทางเดินค่อนข้างลาดลง ทำให้เดินสบาย ไม่เหนื่อยมาก
จอร์แดน จอร์แดนถนนเข้าสู่เมือง Petra นี้มีระยะทางยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร ซึ่งเกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลก
และการกัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อน ระหว่างทางที่เดินมาจะมีคนมาให้บริการขี่ลา ม้า อูฐ
และขายของที่ระลึกเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ คนพวกนี้ไม่ทำอันตรายใดๆ เราแน่นอน
จอร์แดน จอร์แดนที่ปลายทางของ The Siq จะมีช่องให้เราเห็นไฮไลท์แรกของวันนี้ ซึ่งเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด
จอร์แดนทุกคนคงจะตกตะลึงกับความสวยงามของ Al-Khazneh หรือ The Treasury (4)
มหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์สันนิษฐานกันว่าถูกสร้างราวศตวรรษที่ 1-2 โดยผู้ปกครองเมืองในตอนนั้น
เป็นวิหารที่แกะสลักโดยการเจาะเข้าไปในภูเขาทั้งลูก มีความสูง 40 เมตร กว้าง 28 เมตร
เป็นงานออกแบบที่ได้รับอิทธิพลจากหลากหลายเชื้อชาติทั้ง อียิปต์ กรีก ฯลฯ
บริเวณด้านหน้านี้จะมีทั้งอูฐ และร้านขายของต่างๆ เป็นที่พักเหนื่อยหลังจากเดินเข้ามา
ณ ที่ตรงนี้ทุกวันจันทร์ พุธ และพฤหัสบดีของทุกสัปดาห์ เวลา 20.30 น.
จะมีการแสดง Petra By Night เสียค่าเข้าชมคนละ 17 JOD
ถ้าใครมาตรงกับวันดังกล่าวขอแนะนำเพตราบรรยากาศใต้แสงเทียนนี้เลยครับ
จอร์แดนตัววิหารประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ห้องโถงใหญ่ (กึ่งกลาง) และห้องโถงเล็กทั้งด้านซ้ายและขวา
(ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถเข้าไปชมด้านในได้)
เชื่อกันว่าแต่เดิมใช้เป็นที่เก็บทรัพย์สมบัติขององค์ฟาโรห์ แต่ภายหลังได้มีการขุดพบ
ทางเข้าหลุมฝังศพที่หน้าวิหารแห่งนี้ นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีจึงลงความเห็นกันว่า
น่าจะสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้แก่เจ้าผู้ครองเมือง ประกอบพิธีทางศาสนา
และเป็นสุสานฝังศพผู้ครองเมืองและเครือญาติอีกด้วย
จอร์แดน จอร์แดนถ้ามาถึงตรงนี้แสดงว่าผ่านระยะทางมาแล้ว 2.5 กิโลเมตร ^^
เมื่อเดินต่อไปทางขวามือของ The Treasury จะพบกับสถานที่ต่างๆ มากมาย
ทั้ง โรงละครโรมัน (Theatre) (7) ที่แกะสลักจากภูเขา เห็นแล้วน่าทึ่งมากๆ
ตั้งอยู่บนถนน Street of Facades (5) ที่มีสิ่งสวยงามอยู่รอบด้าน
จอร์แดน จอร์แดนสำหรับใครที่เดินไม่ไหว จะมีม้าและลาคอยบริการตลอดเส้นทาง ราคาแล้วแต่ตกลงกันว่าจะไปที่ใดบ้าง
โดยส่วนตัว ผมว่าราคาที่นี่ไม่โหดมากนัก เนื่องจากมีคู่แข่งที่ให้บริการอยู่เป็นจำนวนมากก็เป็นได้
จอร์แดน จอร์แดนด้วยความที่อากาศร้อนมาก และผมก็เกรงว่าจะเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆ ได้ไม่หมดในการเที่ยววันเดียว
จึงเลือกใช้บริการนั่งลาแทนการเดิน เพราะตั้งใจว่าคราวนี้จะต้องขึ้นเขาให้ได้ 2 ลูก
ซึ่งทั้ง 2 ลูก อยู่ห่างกันมาก ราคาที่ตกลงกันไว้คือ 40 JOD ต่อคน
คนพาเที่ยวพูดภาษาอังกฤษคล่อง คอยอธิบายและดูแลเป็นอย่างดี
จอร์แดนเส้นทางแรกที่ผมจะไปก็คือ Al-Khubtha Trail ซึ่งเป็นที่ที่เราจะได้เห็น The Treasury จากมุมสูง
หากเดินต้องใช้เวลาประมาณ 2.5-3 ชั่วโมง ด้วยระยะทางกว่า 3.5 กิโลเมตร
และต้องมีการขึ้นบันไดอีกกว่า 900 ขั้น ระดับความยากนี่เป็นระดับ Hard เลยครับ
ว่าแล้วก็ฝากตัวไว้กับลา ให้ลาพาขึ้นเขากัน ขอบอกเลยว่าตอนนั่งนี่เกร็งมากๆ
ด้านนึงเป็นหุบ ด้านนึงเป็นเหวสูง แต่เจ้าลาน้อยกลับเดินได้อย่างเชี่ยวชาญ
ไม่มีออกนอกลู่นอกทางเลยครับ เก่งมากกกกกกก ^^
จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดนขึ้นมาเรื่อยๆ จะพบกับเต๊นท์ของชาว Beduin ซึ่งให้เราเข้าไปถ่ายรูปได้
มีขายเครื่องดื่มให้ได้ดับกระหายคลายร้อน ซึ่งราคาไม่แพง น้ำอัดลมราคากระป๋องละ 1 JOD
จอร์แดน จอร์แดนโฉมหน้าของคนพาเที่ยวที่พาพวกเราขึ้นมาถึงด้านบน
จอร์แดน จอร์แดนพักเหนื่อยได้สักพักต้องเดินต่อไปอีกไม่ไกล
เส้นทางนี้ขั้นบันไดไม่มีแล้ว แต่เส้นทางนั้นอย่างกับดาวอังคาร ><
มีทางเหมือนไม่มี เจ้าลาน้อยบางทีก็ลดระยะในการเดินมากเกิ๊นนนน
เดินบนก้อนหินงี้ ทางเดินที่ดีกว่าไม่ยอมเดิน ระบมก้นกันไป ฮ่าๆๆๆ
จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดนแต่ไม่นานนัก เราก็มาถึงจุดหมาย…
พอเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้าก็หายเหนื่อยในทันที
ช่างเป็นภาพที่สวยงาม อลังการ และดูมีมนต์ขลังมากๆ เลยครับ
จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดนThe Treasury มุมสูงที่สามารถชมได้จากบนเขา Jabal al-Khubtha
ไหนๆก็ใช้เวลานานแล้วกว่าจะขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ เก็บบรรยากาศให้เต็มที่
ชมวิวฟินๆ รับลมเย็นๆ แล้วเมื่อพร้อมค่อยเดินกลับไปทางเส้นทางเดิม

จอร์แดน จอร์แดนในละแวกนี้จะพบสัตว์ที่หาดูได้ยาก นั่นก็คือ กิ้งก่าสีฟ้า
ต้องตาไวระดับนึง เพราะมันเคลื่อนตัวไวมากกกกกก
จอร์แดนขากลับต้องกลับทางเดิม
ตอนขึ้นมาว่าเสียวแล้ว แต่ตอนขาลงเนี่ยดิ เสียวขั้นสุด
เสียวยิ่งกว่า เพราะเราจะได้เห็นวิวเต็มๆ เห็นขอบทางด้านหน้า
เห็นหมู่บ้านไกลๆ เห็นบรรยากาศสวยๆ ใจนึงก็อยากหยุดเก็บภาพให้ทั่วๆ
แต่ดูแล้ว ขอเก็บภาพผ่านสายตาไว้เป็นความทรงจำดีกว่า อยากถึงข้างล่างเร็วๆแล้ววว
จอร์แดน จอร์แดนเส้นทางนี้ถ้าเดินทางใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง
ถ้านั่งลาจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
และแล้วก็พิชิตไป 1 เขา เหลืออีก 1 เขา เอ้าาาาไปต่อครับ ^^
จอร์แดนลงมาจากเขาลูกแรกพักเหนื่อยกันสักพักแล้วมุ่งหน้าสู่เขาลูกที่ 2 กับอีกหนึ่งสถานที่ไฮไลท์
สุดเส้นทาง Main Trail บนถนน Colonnaded Street (11) เป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร
ถ้าใช้เวลาเดินเท้าก็อยู่ที่ประมาณ 3.5-4 ชั่วโมง ซึ่ง Main Trail นับตั้งแต่ทางเข้า Petra
แต่ไม่ได้รวมทางที่ขึ้นเขาไปดูวิวมุมสูงเมื่อครู่นี้นะครับ เห็นระยะทางแล้วอย่าเพิ่งท้อไปก่อนนะ ^^
จอร์แดน จอร์แดนระหว่างทางจะผ่าน Great Temple (12) ซึ่งเป็นที่ใช้ประกอบพิธีสำคัญในสมัยก่อน
ปัจจุบันเหลือแต่โครงสร้างที่ให้เห็นถึงความอลังการในอดีต
จอร์แดน จอร์แดนเราไปต่อกันอีกเขานึงเลยดีกว่า นั่นก็คือ Ad-Deir หรือ Monastery (15)
ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งในนคร Petra แต่กว่าจะไปชมได้นั้น
ต้องฝ่าด่านบันไดกว่า 800 ขั้นให้ได้ซะก่อน หากเดินเท้าจะต้องใช้เวลาประมาณ 2.5-3 ชั่วโมง
ด้วยระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ตลอดทางมีความงดงามของภูเขาหินให้ได้ชมกันครับ
1-1-jordan_6221 1-2-jordan_6228 1-3-jordan_6231 1-4-jordan_6230Ad-Deir หรือ Monastery (15)
เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างจากหินในเมือง Petra สร้างขึ้นโดยชาว Nabataeans ในศตวรรษที่ 1
มีความสูงประมาณ 50 เมตร กว้าง 45 เมตร ตัวสถาปัตยกรรมเป็นตัวอย่างของสไตล์คลาสสิคของนาบูต
เป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาชมมากพอๆกับ The Treasury เลยทีเดียว
ด้านในไม่สามารถเข้าไปชมได้นะครับ ถ่ายรูปได้แต่ข้างนอกเท่านั้น
2-1-jordan_6244 2-2-jordan_6254 2-3-jordan_6252 2-4-jordan_6238บริเวณนี้มีร้านค้า ร้านขายน้ำไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่เดินมาไกลฝ่าด่านบันไดกว่า 800 ขั้น
ผมเองก็ได้พกอาหารกล่องมาทานบริเวณนี้ด้วย ยอมแบกมาด้วย
ซึ่งในเพตราไม่มีที่ขายอาหารเลยสักร้าน มีแต่ขายขนมและเครื่องดื่มต่างๆ ควรเตรียมมาให้พร้อม
เพราะกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ ใช้เวลาพอสมควร ถึงแม้จะขี่ลา ก็ไม่สามารถมาถึงจุดหมายนี้ได้
ในช่วงบันไดก่อนถึง Ad-Dier นี้ค่อนข้างแคบ ต้องลงเดินเท้าขึ้นมาเองอีกประมาณ 15 นาที
แต่ถ้ามาถึงแล้วรู้เลยว่าคุ้มจนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
3-1-jordan_6237 3-2-jordan_6235 3-3-jordan_6242ชมความงามและพักให้หายเหนื่อย
จากนั้นก็เดินทางกลับ ซึ่งเส้นทางขากลับต้องผ่านทางเดิมที่เคยมาและ
ไปคืนเจ้าลาน้อยตรง Theatre ด้านล่าง เป็นการจบกิจกรรมการขี่ลาชมเพตราแบบเร่งด่วน ^^
4-1-jordan_6229 4-2-jordan_6258 4-3-jordan_6262ระยะเวลาที่ใช้ในการขี่ลาทั้งหมด ขึ้นเขาทั้ง 2 ที่ อยู่ที่ประมาณ 5 ชั่วโมง
ซึ่งที่นี่จะไม่ได้จับเวลาว่าขี่นานเท่าไร แต่ดูในเรื่องของเส้นทางที่จะไปมากกว่า
ถ้าไปไกล ไปหลายที่ ราคาของลาก็จะแพงขึ้น อย่างที่ตกลงมาตอนแรก
ถ้าไปแค่ภูเขาลูกเดียว ราคาอยู่ที่ 25 JOD
แต่ถ้าไป 2 ภูเขา ราคาอยู่ที่ 40 JOD ครับ
1-jordan_6274จริงๆแล้วตอนขาไปจะเห็นสถานที่ที่มีโพรงอยู่หลายแห่งริมภูเขา
ซึ่งที่นี่คือ สุสาน (Royal Tombs) มีอยู่ 4 แห่งหลักๆเรียงกัน คือ
Palace Tomb (11) , Corinthian Tomb (10) , Silk Tomb (9) และ Urn Tomb (8)
แต่ละที่ยิ่งใหญ่อลังการมากๆ
2-1-jordan_6273 2-2-jordan_6135 2-3-jordan_6284นั่งๆเดินๆอยู่บนหลังลาน้อยมากว่า 5 ชั่วโมง ได้เวลาคืนลาน้อยแล้วเดินกลับออกไปตรงทางออก
ทางเดิมที่เดินผ่านเข้ามาอีกครั้ง
1-jordan_6286หลายคนอาจเลือกการนั่งรถม้าแบบคลาสสิค มีหลังคาคลุม
เพราะเส้นทางจากตรง As Siq ไปถึงตรงทางเข้าจะเป็นทางเนินขึ้น
จะเหนื่อยและเดินยากกว่าขามาตอนเช้า เนื่องด้วยได้หมดพลังไปกับการเดินในเพตราแล้ว
แต่ผมขอเลือกเดินกลับออกไป เพราะอยากเก็บความทรงจำกับภาพงามๆบริเวณนี้อีกครั้งก่อนกลับ
2-1-jordan_6294 2-2-jordan_6309_edit 2-3-jordan_6312ช่วงบ่ายๆนักท่องเที่ยวบริเวณนี้จะน้อยลง สามารถยืนโพสท่าถ่ายรูปได้สบาย
ซึ่งจุดตรงนี้คือไฮไลท์ ที่ควรจะมีรูปคู่กับสถานที่สักใบก่อนกลับให้ได้ แนะนำเลยครับว่าห้ามพลาด
2-4-jordan_6298เสน่ห์ของเพตราไม่ได้อยู่ที่ The Treasury เพียงที่เดียว
แต่มีอยู่ตลอดเส้นทางตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เดินเข้าไป
ไม่ว่าจะเส้นทางไหน ภูเขาลูกไหน ทุกสถานที่ล้วนเป็นองค์ประกอบ
ที่ทำให้นครสีชมพู เพตราแห่งนี้มีเสน่ห์และสิ่งดึงดูดให้เหล่านักท่องเที่ยวอยากมาค้นพบด้วยตัวเอง
อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตที่แรงยังมี ผมแนะนำเลยว่าควรมาให้ได้สักครั้งครับ ^^
3-1-jordan_6322 3-2-jordan_6324เมื่อออกจากเพตราผมได้ขับรถมุ่งหน้าสู่เมือง Madaba
จุดหมายปลายทางที่จะเข้าพักในคืนนี้ โดยผ่านถนนที่สวยงามและสำคัญอีกหนึ่งเส้น
The King’s Highway
เป็นถนนทางหลวงหมายเลข 35 ที่ทอดยาวจากเมืองหลวง Amman ไปจนถึงตอนใต้ของจอร์แดน
เส้นทางนี้สมัยก่อนเป็นเส้นทางที่กษัตริย์ใช้เดินทาง และเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญในสมัยก่อนอีกด้วย
วิวข้างทางถ้ามาจากเพตราจะเป็นวิวภูเขาสลับซับซ้อนสวยงาม และต่อจากนั้น
จะเป็นทางถนนเรียบที่รถโล่งมากกกก แต่ระวังให้ดีที่นี่มีกล้องดักจับความเร็วอยู่หลายจุด
ส่วนใหญ่จะขับไม่เกิน 120 KM/Hr หรือแล้วแต่ที่กำหนดในแต่ละจุด
จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดนMadaba
ผมแวะพักที่เมือง Madaba ก่อนที่จะไปขึ้นเครื่องในตอนเช้า
เนื่องจากเมืองนี้จะอยู่ใกล้สนามบินมากกว่าเมืองหลวงอย่าง Amman
และเมืองนี้ยังเป็นจุดศูนย์กลางของโมเสกอีกด้วย จนได้รับฉายาว่า “เมืองแห่งประติมากรรมโมเสก”
แต่เสียดายที่มาถึงเมืองนี้ก็ค่อนข้างค่ำแล้วและมีเวลาอยู่ที่นี่น้อยเกินไป
จนไม่ได้ไปเที่ยวสถานที่สำคัญต่างๆในเมืองนี้เลย ถ้ามีโอกาสมาอีกจะไม่พลาดเมืองนี้แน่นอน
จอร์แดนจากเมือง Madaba มาสนามบินใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที
แถมรถยังไม่ติดเหมือนมาจากทางเมือง Amman อีกด้วย
คืนรถที่ออฟฟิตของ Easy Rental ที่เช่ารถมาในตอนแรก จากนั้นจะมีรถพาไปส่งที่สนามบิน
จอร์แดน จอร์แดนถ้าทำการเช็คอินล่วงหน้ามาแล้ว ชีวิตจะง่าย สบายขึ้นเยอะ
เพราะสามารถเช็คอินไฟลท์ทรู ถึง กทม. ได้เลย โดยขากลับนี้ผมไม่ได้แวะออกมาเที่ยวที่ดูไบ
สัมภาระต่างๆที่โหลดไว้ ก็ไปเจอกันอีกทีปลายทางที่สนามบินสุวรรณภูมิ
และยังสามารถเลือกที่นั่งตอนเช็คอินล่วงหน้าได้อีกด้วย
สามารถทำการเช็คอินล่วงหน้าได้ก่อนเวลาเครื่องออก 24 ชั่วโมง
ส่วน Boarding Pass จะพิมพ์เลยหรือให้ส่ง E-Mail มาให้ก็สะดวกไปอีก ^^
จอร์แดน จอร์แดน จอร์แดนพอเครื่องแวะจอดที่ดูไบ ถ้าไม่ได้ทรานสิทออกไปเที่ยวข้างนอก
ให้เดินตามป้าย Connections มองหาไฟลท์และประตูที่เครื่องออกหรือ
จะไปเดินช็อปปิ้งรอชิวๆก็ยังมีเวลาเหลืออีกเพียบ ^^
จอร์แดนไฟลท์ขากลับผังที่นั่งแบบขามา เป็น 3-3 มีจอทีวีส่วนตัว ถ้าจะดูรายการหรือดูหนังต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ขั้นตอนการชำระเงินเพิ่มเมื่อดูหนังบนเครื่อง flydubai -> รีวิวสายการบิน flydubai
ทั้งนี้ ขอขอบคุณ สารการบิน flydubai ที่สนับสนุนการเดินทางครั้งนี้
ที่ให้ผมมาเปิดโลกทัศน์ เห็นสิ่งสวยงามและความอลังการทั้งที่ดูไบและที่จอร์แดน
ซึ่งสายการบิน flydubai บินตรงจาก กทม. ไป เมืองดูไบ ประเทศ UAE ทุกวัน
และสามารถแวะเที่ยวทรานสิทที่ดูไบก่อน หรือจะต่อไปยังประเทศอื่น
ในแถบเอเชียกลาง หรือ ยุโรปตะวันตก ได้อีกหลายเส้นทางอีกด้วย
จอร์แดน จอร์แดนมีคำถามหลายคำถามก่อนที่ผมเดินทางมาที่นี่
ทะเลเดดซี ลอยตัวได้จริงหรอ แม้กระทั่งคนว่ายน้ำไม่เป็น ?
หรือ นครเพตรา มีสีมชมพู ตามชื่อจริงหรือไม่ ?
ผมตอบเลยว่าคำถามทุกข้อนั้นเป็นจริงตามที่ได้บอกไป แต่คงจะไม่มีใครเชื่อ ถ้า…
ไม่ได้มาสัมผัสและเห็นด้วยตาตัวเอง กับความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของที่นี่
“จอร์แดน…จากทะเลเดดซีมุ่งหน้าสู่มหัศจรรย์แห่งศิลาสีชมพู เพตรา”
จอร์แดน
ใครมีคำถามสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามได้ทาง blog รีวิวนี้
หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้รีวิวนี้จนจบ… ^^

Comments

comments

Related Articles

Shares
/* ]]> */